เนเชอรัล ลัมเบอร์

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Aspen (แอสเพน)


สีขาวจนถึงน้ำตาล ระหว่างแก่นและกระพี้ไม่มีการแยกกันอย่างเด่นชัด การเรียงตัวของเสี้ยนไม้ตรง,ละเอียด และลักษณะเนื้อไม้คล้ายคลึงกันตลอด ไม้มีน้ำหนักเบา,อ่อน และมีความแข็งแรงค่อนข้างต่ำ
ประโยชน์ : ไม้ก่อสร้าง, ไม้บาง ไม้ทำเยื่อและไม้ไส้
ปริมาณ : มีพอใช้สำหรับไม้แปรรูปแต่หายากสำหรับไม้บาง
ราคา : ไม่แพง
คุณสมบัติการตัดแต่ง
การตัดแต่งดี
ความต้านทานต่อการแตกร้าวเมื่อตอกตะปูดี
ความต้านทานต่อการแตกร้าวเมื่อไขตะปูควงดี
การติดกาวดีเยี่ยม
คุณสมบัติทางฟิสิกส์
3 ความถ่วงจำเพาะ(ความชื้น12%) : 0.39
น้ำหนักขนส่งเฉลี่ยกิโลกรัม(กก.)ต่อลูกบาศก์เมตร (ม ) ผึ่งแห้ง : 427
การหดตัวทางปริมาตรเฉลี่ย(% อบแห้ง ต่อสด) : 11.8
ดัชนีการแตกร้าว(กิโลปาสคาล) : 63,000
ดัชนีการยืดหยุ่น(เมกกะปาสคาล) : 9,900
ความแข็งผิวหน้า(นิวตัน) : 1,800

วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2552

White Ash (ไวท์แอช)


ไว้ท์แอช, กรีน แอช, โอเรกอน แอช
ไม้โดยทั่วไปเป็นไม้หนัก แข็งแรง, แข็ง เหนียว และมีความต้านทานต่อแรงกระแทกสูง กระพี้สีเหลืองอ่อนจนเกือบขาว แก่นสีแปรผันจากน้ำตาลเทา, น้ำตาลอ่อน จนเป็นเหลืองอ่อนมีแนวลายไม้สีน้ำตาล อัตราส่วนแก่นต่อกระพี้ค่อนข้างแปรผัน ไม้แปรรูปมักถูกเรียกและขายในชื่อ “แอชอ่อน” หรือ “แอชเหนียว” ไม้แอชที่เติบโตในพื้นที่ต่ำ มักมีน้ำหนักเบาและอ่อน ส่วนไม้แอชในที่สูง มักมีอัตราการเติบโตช้า จึงหนักกว่าและแข็งกว่า ไม้แอชมีแรงดัดและมีคุณสมบัติการตกแต่งดีเยี่ยม
ประโยชน์ : ไม้แผ่นประกอบเครื่องเรือน ไม้พื้นชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ไม้วงกบ ไม้ดัดโค้ง ด้ามเครื่องมือเครื่องกีฬา
ปริมาณ : มีพอใช้สำหรับไม้แปรรูปและไม้บาง
ราคา : ปานกลางจนถึงมีค่า




คุณสมบัติการตัดแต่ง
การตัดแต่งดีเยี่ยม
ความต้านทานต่อการแตกร้าวเมื่อตอกตะปูดี
ความต้านทานต่อการแตกร้าวเมื่อไขตะปูควงดีเยี่ยม
การติดกาวดี
คุณสมบัติทางฟิสิกส์
ความถ่วงจำเพาะ(ความชื้น12%) : 0.60
น้ำหนักขนส่งเฉลี่ยกิโลกรัม(กก.)ต่อลูกบาศก์เมตร (ม ) ผึ่งแห้ง : 594
การหดตัวทางปริมาตรเฉลี่ย(% อบแห้ง ต่อสด) : 13.3
ดัชนีการแตกร้าว(กิโลปาสคาล) : 106,000
ดัชนีการยืดหยุ่น(เมกกะปาสคาล) : 12,000
ความแข็งผิวหน้า(นิวตัน) : 5,900

วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2552

ไม้แอลเดอร์ (Alder)

สีน้ำตาลอมชมพูอ่อน ถึงเกือบขาว และมีลายเสี้ยนที่เห็นได้ชัด

คุณสมบัติการตัดแต่งไม้คล้ายคลึงกับไม้เร็ดเมเปิ้ล

และอเมริกันทิวลิปวู้ด


ประโยชน์ : เครื่องเรือน ชิ้นส่วนเครื่องเรือน และไม้ทำไส้
ปริมาณ : หายากสำหรับไม้บาง จำกัดสำหรับไม้แปรรูป
ราคา : ไม่แพง
คุณสมบัติการตัดแต่ง
การตัดแต่งดีมาก
ความต้านทานต่อการแตกร้าวเมื่อตอกตะปูดีเยี่ยม
ความต้านทานต่อการแตกร้าวเมื่อไขตะปูควงดี การติดกาวดีมาก


คุณสมบัติทางฟิสิกส์
ความถ่วงจำเพาะ(ความชื้น12%) : 0.41
น้ำหนักขนส่งเฉลี่ยกิโลกรัม(กก.)ต่อลูกบาศก์เมตร (ม.) ผึ่งแห้ง : 488
การหดตัวทางปริมาตรเฉลี่ย(% อบแห้ง ต่อสด) : 12.6
ดัชนีการแตกร้าว(กิโลปาสคาล) : 68,000
ดัชนีการยืดหยุ่น(เมกกะปาสคาล) : 9,500
ความแข็งผิวหน้า(นิวตัน) : 2,600

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2552

ระดับราคาของไม้ จะแสดงให้เห็นด้วยคำศัพท์ต่อไปนี้

* มีค่า เกี่ยวข้องกับข้อจำกัดในทางปริมาณที่มีอยู่ และมีความยุ่งยากในการดำเนินการและใช้เครื่องจักร ดังนั้นต้นทุนจึงจำเป็นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของไม้บางและไม้แปรรูปเทียบกับขนาด ความหนาและปริมาณในระดับเดียวกัน ไม้เหล่านี้มักเป็นไม้จำพวกไม้ตกแต่งทางสถาปัตยกรรม
* ปานกลาง ระดับราคา และชั้นคุณภาพเฉลี่ยโดยทั่วไปที่ใช้ในการสั่งซื้อไม้
* ไม่แพง ไม้ชนิดนี้มีปริมาณมาก หรือใช้ประโยชน์น้อย

คำศัพท์เหล่านี้ใช้ได้สำหรับไม้หลากหลายชนิด มีช่วงเวลา แต่อย่างไรก็๋ตาม มีความเป็นไปได้สำหรับการนำไม้หลายชนิดมาป้อนผู้บริโภคได้มากกว่านี้ ถ้าความต้องการใช้ได้เพิ่มขึ้นถึงจุดที่มีการตัดสินใจให้เพิ่มการผลิตได้ นอกจากนี้ปริมาณที่นำมาใช้ได้ ยังแปรผันไปตามฤดูกาล สภาพอากาศ ฯลฯ

โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ จะมาเล่าถึงเรื่องไม้ชนิดต่างๆ ที่เป็นไม้จากประเทศสหรัฐอเมริกา อาทิเช่น ไม้ Alder Ash Oak Cherry Walnut และไม้สายพันธ์อื่นๆ อีกมากมาย ว่าแต่ละสายพันธ์มีคุณลักษณะอย่างไรบ้าง ระดับราคาอยู่ในระดับใด

วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2552

สภาวะของปริมาณไม้ที่นำมาใช้ได้ จะแสดงให้เห็๋นด้วยคำศัพท์ต่อไปนี้

* หายาก หาได้จากโรงงานเพียงหนึ่งหรือสองแห่ง แต่ในเรื่องแนวโน้มของการมีปริมาณไม้จำกัด และมักมีข้อจำกัดสำหรับขนาดของไม้แปรรูปที่มีความหนามากกว่านั้น
* จำกัด หาได้จากโรงงานหลายแห่ง ด้วยจำนวนปานกลางของปริมาณไม้ที่มีอยู่ ถ้าเป็นไม้แปรรูป ไม้ขนาด 4/4 และ 5/4 จะมีป้อนได้ทันที แต่ถ้าเป็นไม้ 6/4 หรือหนากว่านั้น อาจมีจำนวนจำกัด
* มีพอใช้ มีปริมาณไม้เพียงพอ ใช้สำหรับการขนส่งได้อย่างรวดเร็วจากโรงงานมากมาย สำหรับไม้แปรรูปนั้น มีช่วงของความหนาของไม้ทุกระดับชั้น พร้อมที่จะส่งได้ตามปกติ

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2552

คุณสมบัติที่สัมพันธ์กับการตัดแต่งไม้


การจัดลำดับชั้นคุณภาพเหล่านี้ ดำเนินด้วยการใช้แนวทางอย่างกว้างๆ เพื่อเปรียบเทียบคุณสมบัติที่เด่นชัดของไม้นานาชนิดภายใต้สภาวะปกติของการตัดแต่งไม้ระดับชั้นของการตัดแต่ง คือค่าเฉลี่ยของการไส, การทำรูปแบบ, การตัดโค้ง, การเซาะร่องและการเจาะรู ระดับชั้นคุณภาพของไม้บางชนิดขึ้นอยู่กับค่าโดยประมาณ และความคิดเห็นจากเอกสารอ้างอิงมากมาย การควบคุมด้วยความระมัดระวังมักจะปรับปรุงการใช้วัตถุดิบด้วยคุณสมบัติที่สัมพันธ์กับการตัดแต่งหรือการใช้งานของไม้โดยเฉพาะแต่ละชนิด โดยทั่วไปแล้ว ระดับชั้นคุณภาพสูงสุดของไม้ชนิดนั้น สามารถนำมาใช้งานตัดแต่งดีที่สุดภายใต้สภาวะการณ์ต่างๆ หลากหลายมากมาย


คำศัพท์
บัญชีรายชื่อไม้นานาชนิดนั้น จัดลำดับการเรียงตามลำดับอักษรโดยชื่อสามัญทั่วไปที่เป็นที่ยอมรับมากที่สุด ถ้ามีรายชื่อสามัญหรือชื่อทางการค้ามากกว่าหนึ่งชื่อจะใช้ชื่อสามัญที่เป็นที่ยอมรับมากที่สุด รายชื่อไม้เหล่านี้จะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับ : ชื่อวิทยาศาสตร์ของไม้แต่ละชนิดหรือกลุ่ม, ระดับการเจริญเติบโต, คำอธิบายถึงสีและรูปแบบของเสี้ยนไม้, ลักษณะที่สำคัญที่สุดของไม้ชนิดนั้น และการใช้ประโยชน์ ตลอดจนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับปริมาณของไม้ที่มีอยู่ และระดับราคา

วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2552

คุณสมบัติของไม้เนื้อแข็งจากถิ่นกำเนิดอเมริกา


ป่าไม้เนื้อแข็งของภาคตะวันออกของสหรัฐประกอบด้วยชนิด หรือกลุ่มของไม้ที่สำคัญในทางการค้ามากกว่า 30 ชนิด ดังนั้น จึงเป็นการยากที่จะให้ข้อมูลได้เต็มที่เกี่ยวกับช่วงอันกว้างของคุณสมบัติทางฟิสิกส์(สกายสมบัติ) และคุณสมบัติในการตัดแต่งไม้เหล่านี้ แต่อย่างไงรก็ตาม จากประสบการณ์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า การศึกษาอย่างระมัดระวังต่อไม้เนื้อแข็งเหล่านี้ สามารถแสดงให้เห็นถึงช่วงอันกว้างของต้นทุนและการนำมาใช้ได้อย่างเหมาะสมต่อความต้องการใช้เฉพาะอย่าง
ตารางคุณสมบัติทางฟิสิกส์ (สกายสมบัติ) แสดงข้อมูลพรรณนาลักษณะและข้อมูลเปรียบเทียบ ซึ่งมักเป็นที่ต้องการของผู้ใช้ไม้ และข้อมูลของผู้ขาย เพื่อที่จะประเมินประโยชน์ของไม้แต่ละชนิด การหดตัวของไม้แปรผันตามความแตกต่างของไม้แต่ละชนิด และความแปรผันในการหดตัวเหล่านี้ มีความสำคัญยิ่งสำหรับผู้ใช้บางจำพวก ตัวอย่างเช่น ไม้ทิวลิปวู้ดนั้น มีเหตุผลหลายประการที่ทำให้เป็นไม้เนื้อแข็งที่นิยมใช้สำหรับไส้กลางของแผ่นไม้ ประกอบกับเหตุผลสำคัญประการหนึ่ง คือ คุณสมบัติการหดตัวต่ำ แต่อย่างไรก็ตาม ตารางแผนภูมินี้ยังแสดงถึงชนิดไม้อื่นๆ อีก 3 ชนิด ซึ่งมีช่วงคุณสมบัติของลักษณะการหดตัวของไม้ใกล้เคียงกับไม้ทิวลิปวู้ด นั่นคือ คอตต้อนวู้ด แมกโนเลีย และวิลโลว์
ค่าดัชนีการแตกร้าว (ความแข็งแรงเมื่อถูกดัด) และดัชนีการยืดหยุ่น (ความเหนียว) มีประโยชน์มากในการคัดเลือกไม้เพื่อใช้งานที่ต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ
ค่าความแข็งแรงไม้วัด ความต้านทางต่อการขูดขีด ค่าความแข็งของผิวหน้าไม้ คือ ค่าน้ำหนักที่ใช้ในการกดฝังลูกลมขนาด 0.4444 นิ้ว (1.3 ซม.) ลงไปในผิวหน้าไม้ครึ่งหนึ่งของเส้นผ่าศูนย์กลางของลูกกลมนั้นในทิศทางตั้งฉากกับเสี้ยนไม้

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

สภาวะของคุณภาพ เนื้อไม้ และถิ่นกำเนิด

คุณภาพของต้นไม้แต่ละต้น ย่อมแปรผันแตกต่างกัน คุณภาพต้นไม้มีความสัมพันธ์โดยตรงกับสภาวะถิ่นกำเนิดที่แปรผันไปในพื้นที่เจริญเติบโตของต้นไม้แต่ละต้น
สภาวะการเจริญเติบโตในท้องถิ่นเดิม ซึ่งรวมทั้งสภาพดิน, ความชื้น, การแก่งแย่งและระดับความสูงนั้น มีอิทธิพลอย่างเด่นชัดต่อเนื้อไม้ และปัจจัยอื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพของไม้
ดังจะเห็นได้จากข้อความเอกสารวิชาการป่าไม้แห่งสหรัฐระบุว่า : มีหลักฐานชัดเจนแล้วว่า สภาพการเจริญเติบโตมีผลต่อความเบาหรือหนักของไม้ ซึ่งอาจแตกต่างกัน เมื่อขึ้นอยู่ในที่ต่างกันสองสามไมล์ หรือไม้เหล่านั้นอาจมีลักษณะคล้ายคลึงกันได้ แม้ว่าจะขึ้นอยู่ในที่ห่างไกลกันมากก็ตาม ดังนั้น ผู้ซื้อที่มุ่งหวังประเภทของไม้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม้ประเภทใดก็ตาม ควรที่จะรู้แหล่งที่มาของไม้นั้นๆ

วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เนื้อไม้และลายเสี้ยนของไม้เนื้อแข็ง

คำว่า “เสี้ยนไม้” และ “เนื้อไม้” อาจสามารถแยกจากกันได้ในทางวิชาการ แต่ถูกนำมาใช้อย่างหละหลาวมบ่อยครั้ง และอาจมีการใช้สับเปลี่ยนกันได้ ดังนั้น เพื่อที่จะให้ได้ความหมายเฉพาะเจาะจง คำเหล่านี้จึงควรมีคำจำกัดความให้ชัดเจน

สำหรับศัพท์ในทางอุตสาหกรรม คำว่าเนื้อไม้โดยทั่วไป หมายถึง อัตราการเจริญเติบโตหนือความกว้างของวงปี และสัมพันธ์กับน้ำหนักและความแข็งของไม้ ดังตัวอย่าง เช่น คำว่า เนื้อไม้ ละเอียด หรืออ่อน โดยปกติหมายถึงผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูปและไม้บางที่ได้มาจากไม้โตช้าหรือไม้อายุมาก

ในชนิดไม้เนื้อแข็ง เนื้อหยาบ (ส่วนใหญ่มักได้แก่ โอ๊ค, แอช, ฮิคกอรี่ และ เอล์ม) อัตรการเจริญเติบโตช้า หมายถึง ไม้อ่อนและเบากว่าปกติของไม้ชนิดนั้นๆ ไม้เนื้อแข็งที่เจริญเติบโตเร็ว มักมีเนื้อไม้ละเอียดน้อยกว่าและให้ไม้ที่แข็งแรงกว่า หนักกว่า และแข็งกว่า และค่อนข้างจะแยกแยะลักษณะเสี้ยนให้เห็นได้ชัดเจนกว่าในชนนิดไม้เนื้อแข็งจำพวกเนื้อละเอียด (ส่วนใหญ่ได้แก่ ไม้เบิร์ช, เชอรี่, เมเปิ้ล, และ ป๊อปลาร์) ผลกระทบจากอัตราการเจริญเติบโตต่อเนื้อไม้ และความแข็งแรงของไม้มีน้อยกว่าและไม่ชัดเจน ถึงแม้ว่าจำนวนเปอร์เซ็นต์ของแก่นจะมีมากกว่าในไม้เนื้อแข็งจำพวกโตช้าก็ตาม

ที่มา : สภาส่งออกไม้เนื้อแข็งอเมริกัน (AHEC)



วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ป่าไม้เนื้อแข็งของสหรัฐอเมริกา

คำว่า “ไม้เนื้อแข็ง” หมายถึง ชนิดไม้จำพวกผลัดใบ หรือไม้ใบกว้าง

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับป่าไม้
สหรัฐมีทรัพยากรไม้จากไม้เนื้อแข็งปริมาณมหาศาล การเติบโตของป่าไม้เนื้อแข็งในแต่ละปี มีปริมาณเกินความต้องการ โดยเฉพาะภาคตะวันออกของสหรัฐ เป็นแหล่งใหญ่ของไม้ชนิดหลักๆ เช่น เร็ดโอ๊ค, ไว้ท์โอ๊ค, วอลนัท, เชอรี่, แอช, และ เมเปิ้ล ทรัพยากรเหล่านี้กำลังทวีปริมาณเพิ่มมากขึ้น และมิได้ลดลงอย่างที่มีการหวั่นวิตกอย่างใด

ภายในปี ค.ศ. 2000 (พ.ศ.2543) การสำรวจหลักใหญ่ในการส่งออก และชนิดของไม้เนื้อแข็งในทางการค้าทั้งหมดของสหรัฐ จะต้องดำเนินการต่อไป เพื่อเพิ่มพูนปริมาณอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่สหรัฐมี และจะมีทรัพยากรที่จำเป็นในการสนับสนุนความต้องการภายในประเทศต่อไป และเพื่อที่จะเป็นแหล่งสนับสนุนหลักสำหรับตลาดไม้เนื้อแข็งที่เกี่ยวกับไม้ซุง, ไม้แปรรูปและผลผลิตไม้บางต่างๆ

กฎหมายว่าด้วยการใช้ประโยชน์แบบเอนกประสงค์อย่างยั่งยืนในปี ค.ศ. 1960 (พ.ศ.2503) ซึ่งมีอายุมากกว่า 30 ปีแล้ว บ่งชี้ไว้ว่า การทำไม้ในพื้นที่ของรัฐ จะต้องไม่เกินกว่าความเพิ่มพูนรายปี และต้องคำนึงถึงการจัดการที่ดิน, คุณภาพน้ำ, สิ่งอำนวยความสะดวกในการพักผ่อนหย่อนใจ และเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมอื่นๆ

การทำไม้ในป่าไม้เนื้อแข็งส่วนใหญ่มีการตัดฟันครั้งที่ 2, 3 และ 4 ซึ่งจะทำให้ไม่มีไม้อายุมาก ยกเว้นภายในอุทยานต้องห้าม 3 แห่ง อันเป็นที่ซึ่งห้ามการทำไม้ในทางการค้า

ในสหรัฐนั้น มีฟาร์มสวนป่าลงทะเบียนตามกฎหมายถึง 65,000 แห่ง และเป็นประเทศซึ่งปลูกต้นไม้ 6 ล้านต้นต่อวัน (ทั้งไม้เนื้ออ่อน(ไม้จำพวกสน)และไม้เนื้อแข็ง)

ขณะนี้มีการคาดการณ์ว่า ความต้องการป่าไม้เนื้อแข็งของอเมริการจะเพิ่มขึ้นในอนาคต ดังนั้น รัฐบาลกลาง, มลรัฐต่างๆ และภาคเอกชน จึงได้พยายามตอบสนองการคาดคะเนความต้องการที่เพิ่มขึ้น และจะดำเนินต่อไปด้วยการ : (1) พัฒนาเทคนิคการปรับปรุงการจัดการป่าไม้; (2) พัฒนาเทคนิคและระบบการปรับปรุงเพื่อเพิ่มการใช้ประโยชน์สูงสุดของต้นยไม้จากการทำไม้; และ (3) พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือปรับปรุงการตลาดสำหรับไม้ชั้นคุณภาพต่ำ และชนิดไม้ระดับชั้นรอง

ลักษณะสภาพป่าไม้เนื้อแข็งของสหรัฐ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและสภาวะของดินในท้องถิ่นนั้นๆ สภาพพื้นที่ปลูกไม้เนื้อแข็งอันกว้างใหญ่ไพศาลของสหรัฐ และสภาพการผสมผสานกันของสภาพอากาศและดินหลายประเภททำให้เกิดชนิดของไม้นานาพันธุ์

ป่าไม้เนื้อแข็งส่วนใหญ่มีอยู่ในภาคตะวันออกที่สามของสหรัฐ แบ่งเขตของพื้นที่5 เขต ซึ่งมีสภาพประเภทของป่าที่แตกต่างกัน เขตเหล่านี้แบ่งเป็นเขตแอปปาเลเชี่ยน, เขตภาคใต้, เขตภาคเหนือ, เขตภาคกลาง และเขตภาคตะวันตก

เขตภาคใต้ครอบคลุมตามแถบชายฝั่ง จากรัฐแมรี่แลนด์ ไปจนถึงเท็กซัส ถัดขึ้นไปจากนั้นเป็นภาคเหนือ ครอบคลุมตั้งแต่เขตพื้นที่ต่ำของรัฐโอคลาโฮม่า, อาร์คันซอส์ และมิสซูรี่, และทางตะวันออกผ่านหุบเขาลุ่มแม่น้ำโอไฮโอนี้ คือเขตที่ผลิตไม้เนื้อแข็งที่หใหญ่ที่สุด ชนิดไม้หลัก คือ ไม้จำพวก กัม, เร็ด และไว้ท์โอ๊ค, ฮิคกอรี่, อเมริกันทิวลิปวู้ด, แอช, แฮคเบอรี่, คอต้อนวู้ด และยังมีไม้เนื้ออ่อนหรือไม้จำพวกสนด้วย เช่น ไม้เซาท์เทิร์นเยลโลว์ไพน์

เขตเทือกเขาแอปปาเลเชี่ยน ครอบคลุมพื้นที่เทือกเขาแถบ นอร์ธคาโรไลน่า, เวอร์จิเนีย, เคนตั๊คกี้, เทนเนสซี่, แมรี่แลนด์, เซาท์คาโรไลน่า, จอร์เจีย, โอไฮโอ, เพนซิลเวเนีย และนิวยอร์ค ชนิดไม้หลักใหญ่ในเขตนี้ได้แก่ เร็ด และไว้ท์โอ๊ค, อเมริกันทิวลิปวู้ด, เชอรรี่, วอลนัท, เมปิ้ล, แอช, และฮิคกอรี่

เขตภาคเหนือนั้น ขยายขอบเขตตั้งแต่กลุ่มมลรัฐนิวอิงแลนด์, กลุ่มรัฐแถบทะเลสาบใหญ่ และส่วนเหนือของหุบเขามิสซิสซิปปี้ ชนิดไม้ในพื้นที่แถบนี้ได้แก่ เมเปิ้ล, โอ๊ค, แอช, เบริ์ช, บาสวู้ด และอีสเทิร์นไว้ท์ไพน์

เขตภาคกลาง ครอบคลุมบางส่วนของมลรัฐ 13 รัฐ ที่ตั้วอยู่ในเขตที่ราบต่ำของภาคกลาง ชนิดไม้หลักได้แก่ วอลนัท, โอ๊ค, ฮิคกอรี่, แอช, เมเปิ้ล, อเมริกันทิวลิปวู้ด, บาสวู้ด, และคอตต้อนวู้ด

เขตภาคตะวันตกนั้นโอบล้อมส่วนที่เหลือของสหรัฐกันฮาวายและอลาสก้า ชนิดไม้นั้น ได้แก่ พรรณไม้เนื้ออ่อน (ไม้จำพวกสน) นานาพันธุ์แถบตะวันตก และไม้เนื้อแข็งภาคตะวันตกบางชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม้แอลเดอร์

พื้นที่เขตต่างๆ ดังกล่าวมาแล้ว ให้ผลของพันธุ์ไม้นานาพันธุ์ ซึ่งแยกแยะในแต่ละเขตของสหรัฐอย่างเห็นได้ชัด ไม้โอ๊ค, เมเปิ้ล, แอช และวอลนัท เป็นตัวอย่างของไม้ซึ่งมีลักษณะโครงสร้างของเนื้อไม้ ตลอดจนคุณสมบัติที่ต้องการสำหรับการใช้ประโยชน์แต่ละประเภท แปรผันแตกต่างกันไปในแต่ละเขตพื้นที่

เนื่องจากมีพันธุ์ไม้นานาชนิดของต้นไม้ที่สามารถป้อนลูกค้าไม้เนื้อแข็งได้ ป่าไม้ในสหรัฐจึงสามารถให้ไม้ที่ใช้ประโยชน์ได้ทุกประเภท