เนเชอรัล ลัมเบอร์

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554


Ash ไม้แอชที่เรานำมาใช้กัน มี 2 ชนิด คือ ไม้แอชเนื้อแข็ง (ไม้แอชเนื้อแข็งจากทางเหนือ) กับ Swamp Ash (ไม้แอชเนื้ออ่อนจากทางใต้)ไม้แอชเนื้อแข็ง (ไม้แอชเนื้อแข็งจากทางเหนือ- Northern Hard Ash) จะมีเนื้อที่แข็ง หนัก และแน่นกว่า (ดูจากน้ำหนักที่มากกว่า5 ปอนด์ สำหรับกีตาร์ทรง Strat) ด้วยความหนาแน่นที่ค่อนข้างสูงของเนื้อไม้ จึงให้ได้โทนเสียงที่ดูสดใส และค้างยาวนาน (sustain) ทำให้ไม้ชนิดนี้เป็นที่นิยมมาก เนื้อไม้แท้มีสีครีม แต่ก็มีบ้างที่จะออกเป็นชมพูหรือสีน้ำตาลอ่อนจางๆ (หรือที่เรียกว่า ฮาร์ทวูด)เนื้อไม้ค่อนข้างหยาบ มีร่องเสี้ยนไม้และรอยตาไม้ค่อนข้างเยอะ จึงจำเป็นต้องผ่านกระบวนการอุดลายไม้มากกว่าไม้อื่นๆ ทำให้ต้องใช้เวลามากในการทำสีพื้นผิว

ส่วน Swamp Ash (ไม้แอชเนื้ออ่อนจากทางใต้) นั้น มีน้ำหนักเบา (ด้วยน้ำหนักที่น้อยกว่า5 ปอนด์ สำหรับกีตาร์ทรง Strat) ทำให้เป็นจุดที่แตกต่างจากไม้แอชเนื้อแข็งจากทางเหนืออย่างชัดเจน กีตาร์ในรุ่นครบรอบ 50 ปีของ Fender ส่วนมากก็ทำมาจากไม้ สแวมป์ แอช นี้นี่แหละ และด้วยเนื้อไม้ธรรมชาติที่มีลายไม้ขึ้นชัดเจนสีครีม ทำให้เป็นไม้ที่เหมาะมาก สำหรับทำสีแบบใสมองทะลุเห็นเนื้อไม้ นอกจากนี้ยังเป็นไม้ที่ให้ความสมดุลของโทนเสียงใสและอบอุ่นในแนวเพลงป๊อป ถือเป็นไม้ที่สวยงามและนับเป็นไม้ยอดนิยมลำดับสองเลยทีเดียว




Basswood เป็นไม้เนื้ออ่อน มีน้ำหนักเบา (ถ้าใช้ทำเป็นกีตาร์ทรง Strat ก็หนักแค่ไม่ถึง 4 ปอนด์) เนื้อไม้มีสีขาว มักมีสีเขียวพาดแซมในลายไม้ ลายเสี้ยนไม้ละเอียดถี่ชิดกัน และสามารถดูดซับวัสดุเคลือบผิวได้ดี แต่ไม่เหมาะกับการทำเคลือบผิวแบบใส ให้เสียงกลางที่นุ่ม กังวาน อบอุ่น




Bubinga บูบิงก้า เป็นไม้เนื้อแข็ง จึงนิยมนำมาทำเป็นคอเบส และเป็นไม้ที่มีน้ำหนักมาก จึงมักใช้เป็นไม้ปะหน้า ในการนำมาใช้ทำคอเบส มันจะให้ช่วงเสียงกลางที่ใส และเสียงต่ำที่หนาทุ้มดี


Rickenbackerใช้ไม้บูบิงก้าทำเฟร็ตบอร์ดส่วWarwick ใช้ไม้บูบิงก้ามาทำบอดี้กีตาร์ ซึ่งการนำไม้บูบิงก้ามาทำเป็นบอดี้กีตาร์นั้น จะได้กีตาร์ที่มีน้ำหนักมาก แต่คุณก็ จะได้เสียงค้างยาว (sustain) ได้นานนนนเลยเชียว







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น